พื้นฐานการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ
คำนำ :
การเจริญเติบโตเป็นธรรมชาติของชีวิตที่ปกติ ถ้าชีวิตใดไม่เจริญเติบโตแสดงว่ามีความปกติบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งความจริงนี้เป็นจริงในชีวิตคริสเตียนด้วย คริสเตียนที่บังเกิดใหม่แล้วจะต้องมีการเจริญเติบโตขึ้นในพระเจ้าตามลำดับ แต่ถ้าคริสเตียนคนใดไม่มีการเจริญเติบฝ่ายวิญญาณ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า ชีวิตคริสเตียนคนนั้นผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เช่น อาจจะยังไม่ได้บังเกิดใหม่ หรือมีโรคฝ่ายวิญญาณ หรือขาดการบำรุงรักษาฝ่ายวิญญาณ เป็นต้น
1. เป้าหมายสูงสุดของชีวิตคริสเตียน
1.1 เป้าหมายสูงสุดของคริสเตียนคือ การเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์
• เอเฟซัส 4:13 เราจะต้องเสริมสร้างซึ่งกันและกัน จนกว่าทุกคนจะเต็มขนาดความไพบูยล์ของพระเยซูคริสต์ (เป็นเหมือนนพระเยซูคริสต์)
• โรม 8:29 แผนการไถ่สูงสุดของพระเจ้าคือ ให้เราเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นบุตรหัวปีแห่งพระฉายาของพระเจ้า
1.2 เหตุผล-เพราะ…
• พระเยซูคริสต์เป็นบุตรหัวปีของสรรพสิ่ง (คส.1:15)
• พระเจ้าทรงสร้างเราให้เป็นพระฉายของพระองค์ (ปฐก.1:26)
• ความบาปทำลายมนุษย์ ทำให้เราเสื่อจากพระฉายของพระเจ้า (รม.3:23)
• แผนการของในการไถ่บาปเรามีเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ การนำเรากลับคืนสู่พระฉายของพระเจ้า (รม.8:29)
1.3 สรุป
ดังนั้นการเจริญเติบโตของคริสเตียนหมายถึง การเจริญขึ้นในพระฉายของพระเจ้า หรือการเจริญขึ้นในความเหมือนพระเยซูคริสต์นั่นเอง
2. ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ
2.1 การเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ก. จาก ฮีบรู 5:12-14 เราจะเห็นหลักการบางอย่างเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของคริสเตียนดังนี้
• จากข้อความข้างต้นเราพบว่าพระวจนะของพระเจ้าเปรียบเหมือนอาหารที่เราต้องกินเพื่อให้เติบโตฝ่ายวิญญาณ ในที่นี้ได้พูดถึงอาหาร 2 ประเภทคือ “น้ำนม” และ “อาหารแข็ง”
• “น้ำนม” หมายถึง หลักข้อเชื่อพื้นฐาน ซึ่งทำให้ผู้เชื่อใหม่รับผิดชอบชีวิตคริสเตียนที่ง่าย ๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก
• “อาหารแข็ง” หมายถึง หลักข้อเชื่อในพระคัมภีร์ที่เป็นส่วนที่เข้าใจได้ยากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนรู้จะต้องพัฒนาชีวิตคริสเตียนของตนให้มีความรับผิดชอบสูงขึ้น ทั้งในชีวิตส่วนตัว, ในครอบครัว, ในที่ทำงาน, ในคริสตจักร, ในการรับใช้พระเจ้าด้านต่าง ๆ และการช่วยผู้อื่นให้เจริญขึ้นในพระเจ้าด้วย
• เป็นไปได้ที่คริสเตียนที่เชื่อมานานแล้วจะยังไม่เจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณและไม่สามารถรับอาหารแข็งได้
ข. ดังนั้นการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณจึงไม่ใช่เรื่องอัตโนมัติ แต่เป็นสิ่งที่เราจะต้อง…
• ยอมอุทิศตัวเพื่อพัฒนาชีวิตฝ่ายวิญญาณ
• ให้เวลากับการพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างมีวินัย
• มีความเพียรพยายามและอดทนต่อการทดสอบ
• ร่วมมือกับผู้นำคริสตจักรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา
• เรียนรู้ที่จะศึกษาและเชื่อฟังปฏิบัติพระวจนะของพระเจ้า
2.2 การเติบโตฝ่ายวิญญาณเป็นกระบวนการ
ก. จาก เอเฟซัส 4:13 เราจะเห็นหลักการบางอย่างเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของคริสเตียนดังนี้
จากคำว่า “จนกว่า” แสดงให้เห็นว่าจะต้องใช้เวลาที่จะบรรลุถึง “ความสมบูรณ์” หรือ “ความไพบูลย์ของพระคริสต์” โดยความจริงแล้วการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ในพระคริสต์จะต้องใช้เวลาตลอดชีวิตของเรา
ข. อัครทูตเปาโลเป็นคริสเตียนที่เติบโตมากที่สุดผู้หนึ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ดีท่านก็ยังไม่ได้บอกว่าท่านเหมือนพระฉายของพระเยซูอย่างสมบูรณ์ ท่านกล่าวว่า “มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้วหรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป….ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับ” (ฟป. 3:12ก, 14)
ค. การเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่มี “การเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณแบบสำเร็จรูป” ไม่มีทางลัดในการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ แต่เราสามารถเติบโตได้เร็วขึ้นถ้าเรายอมกับพระเจ้าและมีวินัยในชีวิต
2.3 การเติบโตฝ่ายวิญญาณต้องมีชีวิตที่มีวินัย
ก. เราจะต้องฝึกตนในทางธรรม (1 ทธ. 4:7ข-8)
• ถ้าเราไม่มีวินัย เราก็ไม่สามารถเป็นสาวกที่ดีของพระเยซูคริสต์ได้ (ในภาษาอังกฤษคำว่า “สาวก” มาจากรากศัพท์ของคำว่า “วินัย”)
• ไม่มีนักกีฬาคนใหนในโลกจะประสบความสำเร็จได้โดยที่ไม่ต้องฝึกซ้อมอย่างมีวินัย
ข. พระเยซูคริสต์เรียกร้องให้เราเอาชนะตนเองและแบกกางเขน (ลก. 9:23 ; 14:27)
• กางเขนเป็นสัญลักษณ์ของความตาย และการแบกกางเขนของเราหมายความว่าเรา “ตายต่อตัวเอง” หรือ “ปฏิเสธตัวเอง” ซึ่งก็คือเราให้พระคริสต์เป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา เราจะติดตามและเชื่อฟังพระองค์แทนที่จะทำตามใจปรารถนาของตัวเอง
3. หัวใจของการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณคือ การพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้า
3.1 ความปรารถนาของพระเยซูคริสต์
ก. พระเยซูคริสต์ทรงเรียกร้องให้เราสามัคคีธรรมกับพระองค์ (วว.3:20)
• พระเยซูทรงรอให้คริสเตียนเปิดประตูรับพระองค์
• พระเยซูทรงปรารถนาที่จะรับประทานหรือสามัคคีธรรมกับเรา
• คริสเตียนบางคนให้พระเจ้ายืนอยู่ข้างนอกใจของเขาและจะให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาในบางโอกาสเท่านั้น พวกเขาไม่ได้พัฒนานิสัยในการใช้เวลากับพระเจ้าทุกวัน พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสามัคคีธรรมกับเราทุกวัน
ข. เคล็ดลับแห่งการมีชีวิตคริสเตียนที่เกิดผลคือ การติดสนิทกับพระเยซูคริสต์ (ยน.15:1-8)
• จำเป็นอย่างยิ่งที่ชีวิตคริสเตียนจะต้องเกิดผล เพราะถ้าไม่เกิดผลพระเจ้าจะตัดทิ้งเสีย (1-2)
• วิธีเดียวที่จะเกิดผลได้ก็คือ การเข้าสนิทในพระเยซูคริสต์ (3-6)
• เมื่อเราเข้าสนิทอยู่พระเยซูคริสต์แล้ว จะมีปรากฏการณ์ 2 อย่างเกิดขึ้นในชีวิตของเราคือ การดำเนินชีวิตในถ้อยคำของพระองค์และการทูลอธิษฐานในพระนามพระองค์ (7)
• ในที่สุดพระบิดาจะได้รับเกียรติเมื่อเราเกิดผลมากเพราะการเข้าสนิทในพระเยซูคริสต์ (8)
3.2 หัวใจแห่งความสัมพันธ์กับพระเจ้า
ก. การดำเนินชีวิตในพระวจนะของพระเจ้า
• การดำเนินชีวิตในพระวจนะของพระเยซูคริสต์เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของการเป็นสาวก (ยน. 8:31-32)
• การดำเนินชีวิตในพระวจนะของพระเยซูคริสต์เป็นจุดหมายปลายทางของการสร้างสาวกตามหลักการแห่งพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ (มธ.28:18-20 เน้นข้อ 20)
• พระวจนะของพระเจ้าเป็นเครื่องมือสำคัญของพระเจ้าในการสร้างชีวิตของเรา (ฮร.4:12, 2ทธ.3:16-17)
ข. การอธิษฐาน
• พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างในการอธิษฐาน (มก.1:35)
• พระเจ้าทรงปรารถนาให้คริสเตียนอธิษฐานเสมอ (1ธก.5:17)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น