เด็กคือผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

เด็กคือผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

์

วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

ข้อสอบของพระเยซูสำหรับสาวก

ข้อสอบของพระเยซูสำหรับสาวก

มาระโก 6:7-13

 

7 พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา   แล้วทรงใช้เขาให้ออกไปเป็นคู่ๆ  ทรงประทานอำนาจให้เขาขับผีร้ายออกได้ 8และตรัสกำชับเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง   เว้นแต่ไม้เท้าสิ่งเดียว   ห้ามมิให้เอาอาหารหรือย่าม   หรือหาสตางค์ใส่ไถ้ไป 9แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว 10แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า   “ถ้าไปแห่งใดเมื่อเข้าอาศัยในเรือนไหน   ก็อาศัยในเรือนนั้น   จนกว่าจะไปจากที่นั่น 11และถ้าแห่งไหนไม่ต้อนรับไม่ฟังท่านทั้งหลาย   เมื่อจะไปจากที่นั่น   จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของท่านออก   ส่อให้เห็นความผิดของเขา” 12ฝ่ายเหล่าสาวกก็ออกไปเทศนาประกาศให้กลับใจเสียใหม่ 13เขาได้ขับผีให้ออกเสียหลายผี   และได้เอาน้ำมันทาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค

 

คำนำ

การที่เราจะรู้ว่า ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆมากน้อยเพียงใดนั้น ก็ทำได้โดยการ “ทดสอบ” ซึ่งการทดสอบนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน รูปแบบหนึ่งที่พระเยซูใช้คือ การส่งออกไปรับใช้ในสนามจริง

ในบรรยากาศของการสอบ เราเคยสงสัยไหมว่า เมื่อพระเยซูทรงฝึกฝนสาวก พระองค์ทรงสอบเขาหรือไม่ ถ้าสอบเขา พระองค์ได้สอบวิชาอะไรบ้าง

 

เสนอ

                เมื่อพระเยซูทรงสอบสาวกนั้น พระองค์ได้ทดสอบพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง

เชื่อมโยง

พระเยซูทรงทำการสั่งสอนสาวกของพระองค์มาระยะหนึ่ง จนกระทั่งทรงเห็นว่า เขาควรจะออกไปฝึกฝนพัฒนาการรับใช้ (ฝึกภาคปฏิบัติ) และได้ทรงกำหนดการสอบในวิชาต่าง ๆ สำหรับเขา ซึ่งสามารถแยกออกได้อย่างน้อย 4 วิชาด้วยกัน

 

คำไข      วิชา

 

วิชาที่ 1 การรับใช้เป็นทีม (7.)

พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา   แล้วทรงใช้เขาให้ออกไปเป็นคู่ๆ

คำอธิบาย

ก.      พระเยซูไม่ค่อยได้รับการยอมรับในเมืองของพระองค์มากนัก

ข.      พระองค์ได้ใช้สาวกของพระองค์ออกไปรับเป็นคู่ ๆ

-          พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า ใครคู่กับใคร เราอาจจะจินตนาการว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเปโตรที่อารมณ์ร้อน โผงผางตรงไปตรงมาไปกับยูดาสอิสคาริโอทที่ชอบซิกแซกซ่อนเร้น ซีโมนพรรคชาตินิยมที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์และคุ้นเคยกับความรุนแรงไปกับมัทธิวที่เคยเก็บภาษีซึ่งเป็นเหมือนทาสรับใช้โรม เป็นต้น

ค.      การทดสอบเรื่อง “ความสัมพันธ์” และ “การรับใช้ร่วมกันเป็นทีม” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะในพระคัมภีร์ได้แสดงให้เราเห็นว่า คนของพระเจ้านั้นทำงานเป็นคู่หรือทีมเสมอ เช่น อาดัม-เอวา, โนอาห์และลูกๆ, อับราฮัมและทีมรับใช้, โมเสสและอาโรน, ดาวิดและเหล่าทหารเอก, เนหะมีห์และประชาชน, พระเยซูและสาวก, เปโตรกับยอห์น, เปาโลและทีม เป็นต้น

ง.       ไม่ปรากฏว่ามีสาวกคู่ใดล้มเหลวในการออกไปรับใช้เป็นคู่เป็นทีม นั่นหมายความว่า พวกเขาได้สอบผ่านวิชานี้แน่นอน

 

หนุนใจและท้าทาย

ก.      ความสำคัญของการรับใช้เป็นทีม

-          การรับใช้ร่วมกับคนที่แตกต่างจากเราจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าปราศจากความรัก ที่พร้อมยอมรับและอภัยซึ่งกันและกัน ถ้าทำได้ก็จะเกิดพลังอย่างมหาศาลในการรับใช้ เพราะทั้งสองคนจะสนับสนุนและเสริมจุดดีจุดด้อยซึ่งกันและกัน เมื่อทั้งสองคนทำงานประสานกัน ก็จะเกิด 3 พลัง คือ พลังของแต่ละคน และพลังที่เสริมกัน

-          แต่คนทั่วไปมักจะชอบรับใช้ร่วมกับคนที่คิดเหมือนเรา พูดแบบเดียวกับเรา ชอบทำอะไรคล้ายๆ เรา ซึ่งทำให้ขาดพลังในการรับใช้ เพราะแม้จะมี 2 คน แต่เป็นแค่พลังเดียว

ข.      การสอบผ่านวิชานี้

-          ในชีวิตจริงของการรับใช้ เรามักจะต้องร่วมรับใช้กับคนที่ไม่เหมือนเรา หรือที่เราไม่ชอบอยู่เสมอ ถ้าเราสอบวิชานี้ในขณะนี้ไม่ได้ เราก็จะต้องสอบซ่อมไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะผ่าน

-          คำคม อ.สมศักดิ์ “ถ้าคุณทนต่อคนคนเดียวไม่ได้ คนจะทนต่อคนทั้งโลกได้อย่างไร”

-          ยิ่งทำงานมากขึ้น สูงขึ้น กว้างขึ้น เรายิ่งต้องรับใช้กับคนประเภทต่าง ๆ มากขึ้น ถ้าเราเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับคนทุกประเภทได้ เราก็จะสามารถเกิดผลในการรับใช้ได้มากขึ้นร่วมกับคนทุกคน ทุกประเภท ทุกแบบ

-          น่าเสียดายที่ผู้รับใช้จำนวนมากสอบไม่ผ่านวิชานี้ บางคนสอบตกตั้งแต่ยังไม่ได้ออกไปรับใช้ด้วยซ้ำไป

 

 

 

วิชาที่ 2 การรับใช้ด้วยฤทธิ์เดช (7ข., 13)

ทรงประทานอำนาจให้เขาขับผีร้ายออกได้

เขาได้ขับผีให้ออกเสียหลายผี   และได้เอาน้ำมันทาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค

คำอธิบาย

ก.      พระเยซูทรงมอบสิทธิอำนาจเหนือผี และโรคภัยให้กับสาวกของพระองค์ด้วย

ข.      ตลอดเวลาที่ผ่านมา สาวกเป็นเพียงผู้ดู พระเยซูใช้สิทธิอำนาจเหล่านี้ เขาคงจะคิดว่า ถ้ามีโอกาส เขาอยากมีสิทธิอำนาจอย่างนั้นบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ พวกเขาก็อาจจะต้องต่อสู้กับความกลัว ความไม่เชื่อมั่น ความสงสัยต่างๆนานา

ค.      จากข้อ 13 เราจะพบว่า พวกสาวกได้ต่อสู้ และสอบผ่านวิชานี้อย่างสวยงาม

คำหนุนใจและท้าทาย

ก.      ตัวอย่าง – ทหารออกรบ มีปืนแต่ไม่ใช้ กลับไปให้หนังกะติ๊กไปรบ // ผู้รับใช้จำนวนมากสอบตกวิชานี้ ไม่รู้จักใช้สิทธิอำนาจที่พระเยซูมอบให้ เขาจึงไม่สามารถประสบความสำเร็จในการรับใช้ได้ตามขนาดที่ควรจะเป็น

ข.      ข้อพระคัมภีร์ที่ยืนยันว่าพระเยซูได้มอบสิทธิอำนาจนี้ให้เรา (มธ.28:18-20)

18พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า   “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี   ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว 19เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ   ให้เป็นสาวกของเรา   ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา   พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้   นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป   จนกว่าจะสิ้นยุค”

                พันธกิจที่ปราศจาก “ฤทธานุภาพ” ย่อมไม่สามารถสำเร็จได้เลย // พระเยซูทรงรู้ว่าโดยกำลังของมนุษย์นั้น ยากที่จะทำให้พันธกิจนี้สำเร็จได้ ดังนั้นทางเดียวที่จะสำเร็จได้ก็คือ “ฤทธานุภาพทั้งสิ้น” เท่านั้น

 

วิชาที่ 3 การรับใช้ด้วยความไว้วางใจ (8-10)

8และตรัสกำชับเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง   เว้นแต่ไม้เท้าสิ่งเดียว   ห้ามมิให้เอาอาหารหรือย่าม   หรือหาสตางค์ใส่ไถ้ไป 9แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว 10แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า   “ถ้าไปแห่งใดเมื่อเข้าอาศัยในเรือนไหน   ก็อาศัยในเรือนนั้น   จนกว่าจะไปจากที่นั่น

คำอธิบาย

ก.      คำกำชับพิเศษของพระเยซู

-          ไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง ยกเว้นไม้เท้า (ตัวอย่าง... ไม้พองของลูกเสือ)

-          ห้ามไม่ให้เตรียมเสบียงอาหารไป

-          ไม่ให้ย่ามบรรจุของใช้ไม้สอยไป

-          ไม่ให้หาสตางค์ไปไถ้ไป

-          ไม่ให้ย้ายเรือน

-          ตัวอย่าง... เมื่อนักศึกษาจะออกทีม เราจะมีการเตรียมการอย่างดี มีวัสดุอุปกรณ์เพียบ และไม่ลืมที่จะเตรียมอาหาร (ข้าวเหนียว เนื้อสวรรค์) งบประมาณพอเพียง เครื่องเสียง-เครื่องดนตรี รวมทั้งของใช้ส่วนตัว เช่น ครีมหน้าเด้ง-ผิวขาวอมชมพู, โทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป เป็นต้น

ข.      อะไรคือเหตุผลของพระเยซูในคำกำชับนี้

-          ที่ไม่ให้นำข้าวของไปเพราะฝึกให้รับใช้ด้วยความเชื่อ และไว้วางใจในพระเจ้า ไม่ใช้อาศัยสิ่งของ หรือวัสดุอุปกรณ์เท่านั้น

-          ที่ไม่ให้ย้ายบ้านพัก อาจจะเป็นเพราะเมื่อได้ประกาศ-ขับผี-รักษาโรค พวกสาวกก็จะได้รับความนิยมชมชอบ ได้รับการต้อนรับที่ดีขึ้น อาจจะมีผู้ที่มีฐานะดีกว่า-เสนอทางเลือกที่ดีกว่า ให้ไปพักอาศัยอย่างสุขสบาย และกินดื่มอย่างอิ่มหมีพีมัน (ตัวอย่าง... เหมือนทีมคริสตมาสภาคใต้) เมื่อพวกเขาตอบสนองข้อเสนอที่ดีกว่าก็จะทำให้เขาไม่ได้เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างสมถะ ไม่ต้องพึ่งพาการเลี้ยงดูจากพระเจ้า หรือนาน            ไปก็หันไปปรนนิบัติเงินทองแทนพระเจ้าไปเลย

 

คำหนุนใจและท้าทาย

ก.      การเรียนรู้ที่จะผ่านการสอบวิชานี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาที่มีกองทุนรองรับ และมีหน่วยงานที่พร้อมจะสนับสนุนเอออกไปรับใช้พระเจ้า

ข.      แต่การทดสอบของพระเจ้าเรื่องนี้จะมายังชีวิตของผู้รับใช้ทุกคนแน่นอน เราจะต้องมีวาระที่จะต้องอยู่อย่างท้าทาย ต้องพึ่งพาพระเจ้าอย่างแท้จริง อาจจะถึงขั้นที่มองหาความช่วยเหลือจากใครก็ไม่มีเลย เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะผ่านข้อสอบนี้ได้หรือไม่

ค.      ถ้าเราจะผ่านการทดสอบเรื่องนี้ได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอย่างไว้วางใจพระเจ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รู้จักแสวงหาพระเจ้ามากกว่าที่จะเข้าหามนุษย์เพื่อขอความช่วยเหลือ รู้จักอดทน อดกลั้นเมื่อขาดแคลน หรือรู้จักอยู่อย่างมีความสุขในสภาพที่ไม่สะดวกสบาย ไม่อุดมสมบูรณ์ และรู้จักปฏิเสธข้อเสนอที่ดูเหมือนดีกว่า แต่กระตุ้นความอยากฝ่ายเนื้อหนัง

ง.       ผู้รับใช้ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก สามารถเป็นพยานได้ดีถึงความทุกข์ยากลำบาก ความกดดัน และปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่พวกเขาเหล่านั้นได้สอบผ่าน เมื่อเผชิญด้วยความเชื่อและไว้วางในพระเจ้า (ดูตัวอย่างความทุกข์ของเปาโล 1 คร.11:23-29)

 

 

 

 

 

วิชาที่ 4 การรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ

11และถ้าแห่งไหนไม่ต้อนรับไม่ฟังท่านทั้งหลาย   เมื่อจะไปจากที่นั่น   จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของท่านออก   ส่อให้เห็นความผิดของเขา” 12ฝ่ายเหล่าสาวกก็ออกไปเทศนาประกาศให้กลับใจเสียใหม่

คำอธิบาย

ก.      สิ่งที่พระเยซูกำชับและอยากให้สำเร็จในการทดสอบสาวกครั้งนี้เกี่ยวกับความสัตย์ซื่อ คือ

-          ความจริงจังและใส่ใจต่อภารกิจที่พระองค์ทรงมอบให้ – ถึงขนาดว่า ถ้ามีใครไม่ฟัง ไม่ต้อนรับ ก็ต้องมีการแสดงออกอะไรบางอย่าง ตามความเหมาะสมในวัฒนธรรม เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่า สิ่งที่เราได้บอก ได้นำมานี้ เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากที่สุดต่อชีวิตของพวกเขา

-          ความสัตย์ เสมอต้นเสมอปลาย และรับผิดชอบต่อการรับใช้ที่พระเยซูมอบหมายให้

ข.      พวกเขาได้พยามจนถึงที่สุด และได้ทำจนสำเร็จ ได้ออกไปตามบ้านเมืองต่างๆ เท่าที่จะสามารถไปได้ และพวกเขาไม่ได้รีรอที่จะประกาศให้ผู้คนกลับใจจากบาปและหันมาหาพระเจ้าทันที

 

คำหนุนใจและท้าทาย

ก.      ตัวอย่างของเปาโล (กจ. 20:20-27)

20และสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย   ข้าพเจ้ามิได้ปิดซ่อนไว้   แต่ได้ชี้แจงให้ท่านเห็น   กับได้สั่งสอนท่านในที่ประชุม   และตามบ้านเรือน 21ทั้งเป็นพยานแก่พวกยิวและพวกกรีก   ถึงเรื่องการกลับใจใหม่เฉพาะพระเจ้า   และความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา 22นี่แน่ะ   บัดนี้พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า   จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม   ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง 23เว้นไว้แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์   ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าในทุกบ้านทุกเมืองว่า   เครื่องจำจองและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่ 24แต่ข้าพเจ้ามิได้ถือว่า   ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า   แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน   และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า   คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ   ซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น 25ดูเถิด  ข้าพเจ้าเที่ยวป่าวประกาศแผ่นดินของพระเจ้าในหมู่พวกท่าน   บัดนี้ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า   ท่านจะไม่เห็นหน้าข้าพเจ้าอีก 26เหตุฉะนั้นวันนี้ข้าพเจ้ายืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า   ท่านทุกคนจะเป็นหรือตาย   ข้าพเจ้าก็พ้นโทษแล้ว 27เพราะว่าข้าพเจ้ามิได้ย่อท้อในการกล่าวเรื่องพระดำริของพระเจ้าทั้งสิ้นให้ท่านทั้งหลายฟัง

                เปาโลได้ใช้ชีวิตของท่านอย่างคุ้มค่าที่สุด ท่านได้ออกไปทั่วอาณาจักรโรม ประกาศการกลับใจใหม่และตั้งคริสตจักรที่เข้มแข็งในเมืองต่าง ๆ ที่ท่านไป

เมื่อชีวิตของท่านมาถึงวาระสุดท้ายแล้ว ท่านสามารถยืนต่อหน้าบรรดาผู้นำคริสตจักรทั้งหลาย แล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า ท่านได้ทำส่วนของท่านในชีวิตของพี่น้องเหล่านั้นเสร็จแล้ว แม้ต่อไปภายหน้า ถ้าท่านจะต้องจากไป ท่านก็ไม่ได้เสียดายชีวิต เพราะท่านมีชีวิตไว้เพื่อทำการ “ที่พระเยซูมอบหมาย” ให้สำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้ว การจากไปก็มีแต่กำไร

ข.      ในวาระสุดท้ายของชีวิต ข้าพเจ้าฝันว่า จะสามารถกล่าวถ้อยคำต่างๆ เหมือนกับที่ท่านเปาโลกล่าวไว้ แต่กว่าจะไปถึงเหตุการณ์นั้น ข้าพเจ้าจะต้องผ่านการทดสอบในเรื่องความสัตย์ซื่ออีกมากมายหลายล้านด่าน // มันไม่ใช้แค่การ “ฝ่าด่าน 18 อรหันทองคำ” เท่านั้น แต่จะมีการทดสอบความสัตย์ของผู้รับใช้ที่หนักหน่วง ละเอียดอ่อน ซับซ้อน และรัดกุมยิ่ง

 

สรุป

-          สาวกของพระเยซูได้ผ่านการทดสอบทั้ง 4 วิชาไปแล้วอย่างสวยงาม

-          แต่สำหรับพวกเราทั้งหลาย การทดสอบเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

-          เราจะผ่านได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในวันนี้

ถ้าเรายอมเรียนรู้จากพระเยซูในทุกทางจริง ๆ เมื่อการทดสอบมาถึง เราก็จะผ่านได้

ถ้าเราไม่ยอมเรียนรู้ คอยแต่จะหลีกเลี่ยง บ่ายเบี่ยง ประคองตัวพอให้อยู่รอดได้ไปวัน ๆ เมื่อการทดสอบมาถึงเราก็จะไม่สามารถผ่านไปได้

ตัวอย่าง – คนที่ตั้งใจเรียน ทำความเข้าใจกับบทเรียนที่คณาจารย์ถ่ายทอดให้ในแต่ละชั่วโมงและนำไปใคร่ครวญ-ทดลองปฏิบัติตามเป็นอย่างดี เมื่อถึงเวลาที่จะต้องสอบ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องนำเอาไปใช้จริงๆ เขาก็จะสามารถนำไปใช้ได้ และสำเร็จอย่างสวยงาม // ตรงกันข้ามกับคนที่เรียนพอให้ผ่านๆ สนใจเรื่องอื่น ๆ มากกว่าการเรียนรู้ที่คณาจารย์ถ่ายทอดให้ คณาจารย์ให้ออกไปฝึกฝนรับใช้ ก็ไม่ค่อยใส่ใจ เอาแต่ความพอใจตนเองไปวันๆ คนแบบนี้ เมื่อถึงเวลาต้องสอบ เมื่อถึงเวลาต้องนำไปใช้ เขาก็จะพบว่า เขาไม่สามารถทำได้ เขาจะโทษคนนั้นคนนี้ โทษเรื่องนั้นเรื่องนี้ ปัญหาจริงๆ ก็คือ ตัวเขาเอง ทำให้ร้ายเขาเอง

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น